ดวงตาของมนุษย์เป็นอวัยวะที่ซับซ้อนเป็นอันดับสองรองจากสมอง มันมีอะไร และทำงานอย่างไร

OK ลืมตาขึ้น มองโลกอันกว้างใหญ่นี้สิ แล้วมาผจญภัยกับฉัน เข้าไปสู่อวัยวะที่ซับซ้อนเป็นอันดับ 2 รองจากสมอง แต่ขอเตือนก่อนนะ ทุกอย่างทั้งหมดนี้สามารถเกิดขึ้นได้แค่ในชั่วพริบตาเท่านั้น

ก่อนที่เราจะเข้าไปข้างในให้ลองตามเจ้าละอองฝุ่นขนาดจิ๋วนี้ ที่ลอยคว้างแล้วก็ตกลงไปบนกระจกตาของคุณ ซึ่งมีลักษณะโค้งเป็นโดมห่อหุ้มดวงตาของคุณไว้ คุณจะสามารถรับรู้รูปร่างของมันได้ด้วยการหลับตาลงและลองใช้นิ้วชี้แตะลงไปบนเปลือกตา อย่าลืมล้างมือก่อนล่ะ จากนั้นให้ลองกรอกตาไปทางซ้ายและขวา รู้สึกถึงรอยนูนนั้นไหม นั่นแหละก็จบป่ะหละ

ที่กระจกตาไม่มีเส้นเลือดอยู่เลยแต่ไม่สามารถรับออกซิเจนได้โดยตรงจากอากาศคล้ายๆกับว่ามันหายใจได้นั่นเอง แล้วมันก็เต็มไปด้วยเส้นประสาทที่บอบบางมากมาย มันสามารถรับรู้ถึงสิ่งแปลกปลอมและมีกล้ามเนื้อที่ว่องไวที่สุดในร่างกาย เมื่อคุณกระพริบตาเศษฝุ่นละอองก็จะถูกชะล้างออกไป งั้นมาลองกันใหม่ดีกว่า สิ่งเดียวที่จะเข้าไปในดวงตาของคุณได้ก็คือแสง แล้วมันก็คือการทำงานของการมองเห็นของคุณ นั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณถึงมองไม่เห็นในที่มืด วาแต่เราจะมองเห็นวัตถุต่างๆที่ไม่มีแสงเปล่งออกมาด้วยตัวเองได้ยังไง เมื่อแสงเดินทางมาจากต้นกำเนิดไม่ว่าจะเป็นหลอดไฟหรือดวงอาทิตย์ บางส่วนจะถูกดูดซับและบางส่วนจะถูกสะท้อนออกไปแล้วก็ผ่านเข้าสู่ดวงตาของคุณ แล้วฉันจะอธิบายเพิ่มทีหลังนะ

แต่ตอนนี้ห้องนี้มืดจัง ใครก็ได้ช่วยเปิดไฟหน่อยสิ ok ดีขึ้นเยอะเลย ทีนี้เรามาลองซูมดูความเร็วของแสงที่ผ่านเข้าไปที่กระจกตากันดีกว่า ด้วยรูปร่างทรงโดมนี้เองที่ช่วยรวบรวมแสงเพื่อเดินทางไปศูนย์เลนส์ตา แต่ก่อนที่จะไปถึงเล่นแต่เราต้องผ่านรูม่านตาก่อน มันไม่ใช่จุดกลมๆสีดำที่อยู่บนรูปตานะแต่ว่าเป็นรูต่างหาก แล้วมันเป็นสีดำก็เพราะว่าไม่มีแสงอยู่ภายในตาของคุณและจุดตาสีแดงที่ปรากฏในภาพถ่ายเกิดจากแสงแฟลชจากกล้อง ที่เดินทางผ่านเข้าไปถูกสะท้อนกลับออกมาจากด้านหลังของดวงตา ซึ่งตรงนั้นได้เต็มไปด้วยหลอดเลือดมากมาย ถ้าไม่มั่นใจของคุณเรืองแสงเป็นสีแดง แต่รูม่านตานี้มันเล็กจริงๆฉันก็เบื่อตัวเข้าไปจนได้แหละ แสงมันจ้ามากเลย และกล้ามเนื้อเล็กๆที่ม่านตา ก็คือส่วนที่เป็นสีบนดวงตาของคุณ ที่เรามองเห็นกันนั่นเองมันจะต้องผ่อนคลายเพื่อทำให้รูม่านตาหรี่ลง แสงจะได้ไม่ผ่านเข้าไปมากนักและการหดของรูม่านตานี้ก็จะช่วยป้องกันดวงตาของคุณจากแสงที่สว่างจ้าเกินไป

ที่นิติไฟลงเล็กน้อยและกล้ามเนื้อมาตราก็หดตัว ตอนนี้ดูม่านตาขยายขึ้นเนื่องจากนั้นต้องการให้แสงสว่างผ่านเข้าไปได้มากขึ้น เอาหลักที่นี้เราก็ผ่านเข้าไปจนถึงเลนส์ตาที่มีขนาดเท่าเม็ดยาแอสไพรินแล้ว เช่นเดียวกับหูและจมูกของคุณ เลนส์ตาก็สามารถเจริญเติบโตได้ตลอดช่วงชีวิตของคุณ และเหมือนกับกล้องถ่ายรูปที่มันจะทำหน้าที่รวมแสงว่าส่งไปตกกระทบลงบนจอประสาทตาที่อยู่ด้านหลังของดวงตา เราจะเห็นได้ว่าผู้ที่มีสายตาสั้นจะมองเห็นสิ่งที่อยู่ไกลๆพล่ามั่วไปหมด เนื่องจากเลนส์ตาทำการรวมแสงตกกระทบลงในตำแหน่งที่อยู่ก่อนถึงจอประสาทตา ซึ่งสิ่งนี้จะเกิดขึ้นเพราะดวงตามีความยาวมากกว่าปกติ แต่สำหรับคนที่สายตายาวซึ่งจะมองเห็นสิ่งที่อยู่ใกล้ๆพรามัว การรวมแสงจะเกิดขึ้นในจุดที่อยู่ด้านหลังของดวงตา เนื่องจากลูกตามีความยาวที่สั้นเกินไป แต่ไม่ต้องกังวลเพราะทุกปัญหาสามารถแก้ไขได้ด้วยแว่นตา

คุณมองเห็นดวงตาของตัวเองได้แค่ 1 ใน 6 ของตาทั้งหมดผ่านทางกระจกส่วนที่ เหลือมันฝังอยู่ด้านในศีรษะของคุณและขนาดจริงของมันก็ใหญ่เท่าลูกปิงปองเลยทีเดียว แม้ว่ามันจะดูเป็นอวัยวะขนาดเล็กแต่ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนการทำงานต่างๆมากกว่า 2 ล้านชิ้นเลย เดี๋ยวก่อนเดี๋ยวก่อนทุกอย่างกำลังเคลื่อนที่ไปทางขวาแล้วทีนี้ก็มาทางซ้าย นายคนนี้กำลังมองหาอะไรบางอย่างอยู่หรอ ดวงตาของคุณเคลื่อนที่ได้ ด้วยการทำงานของกล้ามเนื้อ 6 ส่วนที่ยึดมันติดไว้ในเบ้าตา บางส่วนทำหน้าที่หดไป บางส่วนทำหน้าที่เปลี่ยนทิศทางขยับขึ้น ลง ซ้าย ขวา รวมถึงหมุนไปมารอบๆ

ตอนนี้ทุกอย่างสงบแล้วงั้นเรามาต่อกันที่เรืองแสงดีกว่า ลองสมมุติว่าคุณกำลังมองไปที่ลูกแอปเปิ้ลผลใหญ่สีแดงสดที่วางอยู่บนโต๊ะสีฟ้า โดยมีหลอดไฟสีเหลืองแขวนส่องสว่างอยู่ด้านบน คุณคงพอจะนึกภาพตามได้ว่าภาพทั้งหมดจะปรากฏขึ้นกลับหัวที่ด้านหลังจอภาพของดวงตาคุณ มันเป็นเพราะเลนส์ตาทำการหักเหแสง แต่คุณจะมองไม่เห็นภาพนี้บนจอประสาทตาของคุณ เพราะดวงตาไม่ได้ถ่ายภาพนั้นออกมา มันเป็นแค่การตกกระทบลงบนเนื้อเยื่อที่อยู่ด้านหลังผนังของลูกตาเท่านั้น ซึ่งตรงนั้นมีเส้นประสาทและกลุ่มเซลล์ตัวรับพิเศษที่คอยทำหน้าที่เปลี่ยนแปลงที่เข้ามาในดวงตาให้ไปกระตุ้นเส้นประสาทในสมอง เพื่อถอดรหัสให้กลายเป็นภาพออกมา

ที่นี่มีกลุ่มเซลล์ตัวรับมากมายที่ประกอบไปด้วยเซลล์รูปกรวยและเซลล์รูปแท่ง เซลล์รูปกรวยช่วยคุณตรวจจับสิ่งต่างๆได้มากถึง 7 ล้านสี และที่น่าทึ่งก็คือเซลล์รูปกรวยมีทั้งหมดแค่ 3 ชนิดที่รับสีได้ แค่สีแดง เขียวและน้ำเงิน แต่ด้วยการทำงานร่วมกันของพวกมันจึงทำให้คุณสามารถมองเห็นเป็นสีอื่นๆได้อื่นได้เช่น สีม่วงแดง สีเลือดหมู หรือสีน้ำเงินอมเขียว ยกเว้นสำหรับกลุ่มคนที่เป็นโรคตาบอดสี พวกเขาอาจไม่สามารถมองเห็นสีบางประเภทได้หรืออาจเห็นในแบบที่มันไม่ควรจะเป็น ดังนั้นคนกลุ่มนี้จะมองไม่เห็นสีตามความจริงหรือมองเห็นสีที่ผิดเพี้ยนไป เช่นถ้ามีบางอย่างผิดปกติกับเซลล์รูปกรวยที่รับสีเขียว สีเขียวและสีเหลืองของพวกเขาอาจเพี้ยนเป็นสีน้ำตาลแดงได้ สำหรับเซลล์รูปแท่งพวกมันทำหน้าที่จับสีดำ สีขาวและสีเทาต่างๆอีกกว่า 500 เชส

เซลล์รูปแท่งเหล่านี้อยู่ภายใต้การมองเห็นรอบข้างของคุณ ใช้แล้วนั้นก็คือทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่นอกเหนือจากการมองเห็นโดยตรงของคุณ เหมือนกับการมองดูทีวีแบบขาวดำรุ่นเก่าและยังช่วยทำให้คุณมองเห็นในที่ที่มีแสงน้อยได้ด้วย เซลล์ตัวละภาพที่อยู่ในดวงตาของคุณมีความว่องไวมาก มันสามารถถ่ายภาพได้แม้จะไม่มีวัตถุอยู่ที่นั่นก็ตาม คุณเคยต้องไปที่แสงจ้าและหลับตาหรือว่าปิดไฟทันทีไหม จากนั้นคุณจะเห็นรูปร่างของหลอดไฟที่คุณเห็นก่อนปิดไฟยังลอยอยู่ใช่หรือเปล่า นั้นเป็นเพราะว่าตัวละภาพของคุณยังคงส่งข้อมูลภาพไปยังสมองอย่างต่อเนื่องนั่นเอง

เซลล์รูปแท่งและรูปกรวยเชื่อมต่อไปยังเซลล์ประสาทโดยข้อมูลสถานที่นั่นและส่งมันต่อไปยังเส้นประสาทตาของคุณ ซึ่งมีหลอดเลือดและเป็นเส้นทางหลักไปสู่สมอง แล้วก็เป็นทางออกสักรูปตา แล้วมันยังเป็นตำแหน่งของจุดบอดด้วย เพราะที่นี่ไม่มีเซลล์รูปแท่งหรือรูปกรวยอยู่เลย

คุณสามารถทำการทดสอบดูได้เลยหากระดาษขาวมา 1 แผ่น พร้อมปากกา จากนั้นเขียนจุดลงไปที่ด้านซ้ายแล้วก็เขียนเครื่องหมายบวกไว้ที่ด้านขวา โดยให้ห่างกันประมาณ 1 คืบจากนั้นถือกระดาษยื่นออกไปให้สุดแขนแล้วก็ปิดตาด้านขวาของคุณ แล้วจองไปที่เครื่องหมายบวก คุณจะมองไม่เห็นติดต่อเพราะมันอยู่ในตำแหน่งของจุดบอดหรือถ้ายังไม่ได้ผลให้คุณเลื่อนกระดาษให้ห่างออกไปอีก จนกระทั่งจุดหายไป จากนั้นสลับไปปิดตาข้างซ้ายแล้วจ่องไปที่จุดด้วยตาข้างขวาแล้วเครื่องหมายบวกก็จะหายไป เมื่อถึงจุดบอดที่คุณไม่เคยสังเกตเห็นจุดบอดนี้ก็เพราะว่าสมองของคุณคอยเติมเต็มข้อมูลที่ขาดหายไปให้คุณอยู่เสมอ

เอาล่ะเราจะไปกันต่อตามเส้นประสาทตาและเข้าไปสู่กระบวนการถอดรหัสข้อมูลกัน นั้นก็คือที่สมองนั่นเอง ตอนนี้เราอยู่ในระบบประสาทแล้ว ดังนั้นเลยมีกระแสไฟฟ้าในนี้ เส้นประสาทตาจะเชื่อมไปยังสมองส่วนท้ายทอย ที่ทำหน้าที่ในการมองเห็น ทีตรงนี้เองที่ภาพกลับหัวจะถูกแปลงให้กลายเป็นภาพที่เราเข้าใจได้ว่า นั่นคือตัวสีฟ้าที่มีแอปเปิ้ลสีแดงวางอยู่และมีแสงสีเหลืองส่องสว่างอยู่ด้านบน และสมองก็ยังเข้าใจคำว่าขึ้นและลงได้จากการทำงานของหู นั่นแหละระบบการทรงตัวของคุณส่วนใหญ่ก็อยู่ในหูนั่นเอง และสมองก็ยังเป็นจุดที่เติมเต็มจิ๊กซอว์ส่วนที่หายไปเช่นในเรื่องจุดบอดของดวงตา ด้วยการเติมข้อมูลที่จัดเก็บอยู่ในคลังอันกว้างใหญ่ เครื่องหมายจุดที่ด้านซ้ายเป็นจุดบอดของฉัน ดังนั้นฉันก็จะเติมส่วนที่หายไปและทำให้ดูเหมือนว่ายังคงมีกระดาษยาวต่อไปอยู่เหมือนเดิม แต่การเดินทางของเรามาเริ่มต้นตอนที่เราผ่านเข้าไปในตาพร้อมกับแสงหรอกนะ แต่มันเริ่มตั้งแต่ตอนที่แสงจากแหล่งกำเนิดสะท้อนออกจากวัตถุแล้วเข้าไปสู่ดวงตาต่างหาก

แล้วทำไมเราจึงมองเห็นสิ่งต่างต่างได้นั้นก็เพราะแสงที่มองไม่เห็นเดินทางด้วยความยาวคลื่นที่แตกต่างกัน แอปเปิ้ลสีแดงที่อยู่บนโต๊ะด้านดูดซับสินอื่นๆและสะท้อนคลื่นแสงสีแดงออกมาก ส่วนโต๊ะก็สะท้อนสีฟ้าเป็นต้น วัตถุสีดำจะดูดซับแสง ส่วนวัตถุสีขาวจะสะท้อนทุกสีออกมาเกือบหมด และคลื่นที่สะท้อนออกมาเหล่านี้ก็จะไปกระทบกับเซลล์รูปกรวยและรูปแท่งที่มีความไวมากและนี่เองโลกของคุณจึงเต็มไปด้วยสีสันต่างๆมากมาย

0 ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

view all comments
แสดงความคิดเห็นที่นี่ กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยข้อความสุภาพ และให้เกียรติผู้เขียนบทความ